แกงเขียวหวานเนื้อ
แกงเขียวหวานเนื้อ นุ่มละลายในปาก
แกงเขียวหวานเนื้อถือเป็นเมนูอาหารไทยโบราณอีกเมนูหนึ่งที่คิดว่าใคร ๆ ก็คงเคยทานกันมาแล้วใช่ไหมคะ แต่แกงเขียวหวานที่มีขายทั่วไปนั้น หาอร่อยถูกใจยาก โดยเฉพาะแกงเขียวหวานเนื้อซึ่งถ้าเนื้อไม่เปื่อยนุ่มจริง ๆ ก็จะเสียรสชาติของแกงเขียวหวานเนื้อทันที ทั้งนี้ทั้งนั้นแกงเขียวหวานมักนิยมทำโดยใช้วัตถุดิบที่หลากหลายมาก เช่นลูกชิ้นปลากราย ไก่ หมู ผักต่าง ๆ และยังมี กะทิ มะเขือ มะเขือพวง ใบมะกรูดและที่ขาดไม่ได้ ก็คือใบโหระพา ซึ่งจะมีความหอมเป็นอัตลักษณ์ของแกงเขียวหวานถ้าขาดใบโหระพาไปก็จะไม่เป็นแกงเขียวหวาน
พริกแกงเขียวหวานมีสีเขียวนวลเพราะใช้พริกขี้หนูสีเขียวมาทำเป็นเครื่องแกงบางสูตรเขาก็จะใส่ใบพริกลงไปด้วยจึงทำให้มีสีเขียวและคำว่าเขียวหวานก็ไม่ใช่ว่าแกงจะมีรสหวานแต่คำว่าเขียวหวานจะหมายถึงสีเขียวอ่อนนวลไม่ฉูดฉาดนั่นเอง แกงเขียวหวานนิยมรับประทานกับข้าวสวย ขนมจีน หรือดัดแปลงเป็นข้าวผัดแกงเขียวหวานหรือข้าวเหนียวหน้าแกงเขียวหวาน ซึ่งสามารถนำแกงเขียวหวานมาดัดแปลงได้หลากหลายทีเดียว
ส่วนแกงเขียวหวานเนื้อจะหาทานค่อนข้างยาก เพราะมีขั้นตอนการทำต้องใช้เวลานานในการเคี่ยวเนื้อให้เปื่อยนุ่ม ซึ่งอาจต้องใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่เมื่อทำเสร็จแล้วเนี่ยรู้เลยว่ามันคุ้มค่ามากกับรสชาติที่เข้มข้น เนื้อที่เปื่อยนุ่มละลายในปากหอมกลมกล่อมสุดบรรยายจริง ๆ คงต้องตามไปดูแล้วล่ะค่ะว่าแกงเขียวหวานเนื้อมีส่วนผสมอะไรกันบ้าง
ส่วนผสม
เนื้อวัวหั่นชิ้นพอคำ 400 กรัม
กะทิ 500 กรัม (แยกหัวและหางกะทิ)
เครื่องแกงเขียวหวาน 100 กรัม
กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเปราะผ่าซีก 10 ลูก (ถ้าลูกใหญ่ผ่าสี่)
ใบโหระพาเด็ด 1 ถ้วย
พริกชี้ฟ้าเขียวแดงหั่นแฉลบ อย่างละ 1 ดอก
วิธีทำ
นำเนื้อไปเคี่ยวกับหางกะทิจนเนื้อเปื่อยนุ่มซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงโดยใช้ไฟอ่อนและเคี่ยวไปจนกระทั่งน้ำงวดหรือแห้งจึงจะได้เนื้อที่เปื่อยและนุ่มจึง พักไว้
นำเครื่องแกง กะปิ ลงไปผัดกับหัวกะทิเล็กน้อย ผัดจนหัวกะทิแตกมันและมีกลิ่นหอมจึงเติมน้ำตาลปี๊บลงไปผัดต่ออีกเล็กน้อย
3. ตักเครื่องแกงที่ผัดจนหอมลงในหม้อเนื้อที่เคี่ยวจนเปื่อยและนุ่มดีแล้ว ยกขึ้นตั้งไฟ
4. เติมหัวกะทิที่เหลือลงไปให้หมด และเมื่อกะทิเดือดดีแล้วจึงเติมผักลงไปพร้อมกันทุกอย่างยกเว้นใบโหระพา มีมะเขือ พริกชี้ฟ้าเขียวแดง ส่วนใบโหระพาจะใส่ก่อนที่จะยกลงจากเตา จังหวะนี้ สามารถที่จะชิมและปรุงรสชาติของน้ำแกงให้ได้เข้มข้นตามที่เราต้องการ
5. เมื่อเราชิมรสได้ตามต้องการและผักทุกอย่างที่ใส่ลงไปสุกกำลังดีโดยเฉพาะมะเขือไม่ต้องให้สุกมากเกินไป เพราะมันจะอมความร้อนและจะสุกต่อหลังจากที่ยกลงแล้ว ถ้าปล่อยให้มะเขือสุกจนเกินไปความร้อนระอุจะทำให้สุกต่อได้อีกหลังจากที่เรายกลงจากไฟแล้ว
6. เมื่อทุกอย่างสุกได้ที่จึงเติมใบโหระพาลงไปพร้อมกับปิดแก๊สทันทียกลงพร้อมเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อน ๆ
7. แกงเขียวหวานเสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หรือจะเสิร์ฟคู่กับขนมจีนก็อร่อยเช่นเดียวกัน แกงเขียวหวานรสเข้มข้นสามารถกินคู่กับอะไรก็เข้ากันได้ดี
แกงเขียวหวานเป็นเมนูยอดฮิตประจำชาติไทยถ้ากินอย่างไทยก็จะคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ คู่กับขนมจีน และยังสามารถนำไปเป็นหน้าข้าวเหนียวโดยนำแกงเขียวหวานเนื้อไปเคี่ยวให้น้ำแห้งขลุกขลิกทานกับข้าวเหนียวก็ได้อรรถรสไปอีกแบบนึง อร่อยมาก! ฟินมาก!
ตามลิ้งค์ด้านล่างไปชมกันได้เลย
นอกจากนี้ตามแบบฉบับของชาวตะวันตกทำสปาเก็ตตี้แกงเขียวหวานได้อีกด้วย หรือทานกับขนมปังก็อร่อยค่ะและถ้าตามแบบฉบับของชาวตะวันออกจะนำแกงเขียวหวานไปทานคู่กับโรตีก็เข้ากันได้เป็นอย่างดีค่ะ ก็บอกแล้วไงว่าแกงเขียวหวานซะอย่างกินกับอะไรก็เข้าขากันได้ดี ถึงแม้จะใช้เวลาในการปรุงค่อนข้างนานไปสักนิดนึงเพราะแกงเนื้อจะต้องใช้เวลานานสักนิดที่จะทำให้เปื่อยและนุ่ม ต่างจากแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายแกงเขียวหวานไก่ ก็จะใช้เวลาไม่นานนักยุ่งยากน้อยกว่าแต่สำหรับคนที่ชอบทานเนื้อก็ถือว่าคุ้มค่าและดีต่อใจมากมาย เลยค่ะ
อย่าลืมนำสูตรนี้ไปลองทำกันดูนะคะ แกงเขียวหวานเนื้อเค็มหวานหอมนุ่มละลายในปาก และอย่าลืมติดตามป้าสุดในเมนูต่อ ๆ ไปนะคะหรือจะติดตามผลงานป้าสุดเพื่อให้กำลังใจในช่องทางด้านล่างนี้ค่ะ
คลิบวิธีทำ
https://youtu.be/bPfvDIXfi5I
ติดตามผลงานของผู้เขียนเพิ่มเติมได้ที่
YouTube : ครัวอร่อยสุดใจ
เพจเฟสบุค : ของหรอย อร่อยสุดใจ
สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคนค่ะ
ตอบลบน่าอร่อยค่ะ
ตอบลบ